การเจียระไนเพชรเป็นกุญแจสำคัญในการดึงแสงและความสวยงามของเพชรออกมาเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติ กระบวนการ และผลกระทบของการเจียระไนเพชรในบทความนี้
การเจียระไนแบบบลิเลียนต์เป็นหนึ่งในรูปแบบการเจียระไนเพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เพราะมันทำให้เพชรดูมีประกายและแสงสะท้อนออกมาอย่างงดงาม การเจียระไนแบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แสงที่ตกกระทบกับเพชรสามารถสะท้อนกลับออกมาได้ดีที่สุด ทำให้เพชรมีความเปล่งประกายสูงสุด
การเจียระไนแบบบลิเลียนต์หมายถึงการเจียระไนเพชรที่มีการตัดแบ่งหลายมุม เพื่อให้เกิดการสะท้อนแสงและการกระจายแสงที่ดีเยี่ยม ทำให้เพชรดูมีความสวยงามและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
การเจียระไนแบบบลิเลียนต์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเพิ่มประกายของเพชร เนื่องจากมันช่วยให้แสงที่เข้ามากระทบกับเพชรสามารถสะท้อนออกมาในมุมที่ทำให้เพชรเปล่งประกายได้มากที่สุด ถ้าเจียระไนไม่ดีเพชรอาจจะขาดประกายและไม่สามารถสะท้อนแสงได้เต็มที่
การเจียระไนแบบบลิเลียนต์เริ่มต้นในยุคแรกๆ ของการทำเครื่องประดับ โดยมีการพัฒนาเทคนิคการเจียระไนเพชรที่เน้นการสะท้อนแสงที่ดีที่สุด การเจียระไนนี้มีต้นกำเนิดในศตวรรษที่ 17 เมื่อช่างฝีมือเริ่มต้นเข้าใจหลักการของการเจียระไนเพชรเพื่อให้มันสามารถสะท้อนแสงได้มากที่สุด ในช่วงแรกๆ รูปแบบการเจียระไนที่ใช้ไม่ได้มีมุมหลายมุมเหมือนในปัจจุบัน แต่ค่อยๆ พัฒนาไปจนถึงรูปแบบที่สามารถทำให้เพชรสะท้อนแสงได้อย่างงดงาม
การพัฒนาเทคนิคการเจียระไนเพชรในแต่ละยุคทำให้เกิดความก้าวหน้าในด้านการสร้างความเปล่งประกายของเพชร โดยในศตวรรษที่ 20, การค้นพบการเจียระไนแบบบลิเลียนต์ที่มีการตัดมุม 58 มุมทำให้การเจียระไนเพชรมีความสวยงามและสะท้อนแสงได้ดีที่สุด
ในประวัติศาสตร์ของการเจียระไนเพชร การค้นพบและนวัตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคนิคการเจียระไนอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการเจียระไน และการคำนวณมุมการตัดที่เหมาะสม ทำให้การเจียระไนแบบบลิเลียนต์กลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน
การเจียระไนแบบบลิเลียนต์มีลักษณะเฉพาะที่ทำให้เพชรมีความเปล่งประกายและสะท้อนแสงได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งมีลักษณะสำคัญหลายประการ เช่น:
เพชรที่เจียระไนอย่างลงตัวมีความเปล่งประกายที่สะท้อนแสงและดึงดูดทุกสายตา โดยการเจียระไนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการสะท้อนแสงและประกายของเพชร ในบรรดาการเจียระไนทั้งหมด การเจียระไนแบบบลิเลียนต์ถือเป็นแบบที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากช่วยให้เพชรดูสวยงามและมีความระยิบระยับมากที่สุด การเจียระไนแบบนี้ไม่ได้แค่ทำให้เพชรมีรูปลักษณ์ที่น่าประทับใจ แต่ยังช่วยให้แสงสามารถสะท้อนและกระจายออกมาในลักษณะที่ทำให้เพชรเปล่งประกายและมีชีวิตชีวา ดังนั้น การเข้าใจถึงผลกระทบของการเจียระไนต่อประกายของเพชรจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกเพชรที่มีความงดงามที่สุด
การเจียระไนเพชรเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องการความละเอียดอ่อนเพื่อให้เพชรมีความงดงามและประกายที่ดีที่สุด กระบวนการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มคุณค่าทางสุนทรียะของเพชร แต่ยังทำให้มันเปล่งประกายและสะท้อนแสงได้อย่างเต็มที่
การเจียระไนเพชรเริ่มต้นจากการเลือกเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน จากนั้นเพชรจะถูกทำการเจียระไนให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ (เช่น รูปทรงกลม, สี่เหลี่ยม หรือรูปทรงอื่นๆ) โดยขั้นตอนแรกจะเป็นการตัดเพชรเพื่อสร้างรูปทรงที่ตั้งใจ หลังจากนั้นจะมีการเจียระไนในลักษณะที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสัดส่วนต่างๆ และส่งผลให้เพชรสะท้อนแสงได้ดีที่สุด
เครื่องมือที่ใช้ในการเจียระไนเพชรส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง เช่น ล้อเจียระไนที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรงเพื่อสามารถตัดและเจียระไนเพชรได้ เครื่องมือที่ใช้จะถูกเลือกตามลักษณะของการเจียระไนที่จะทำ เช่น ล้อเจียระไนเพชรที่หมุนเร็วจะช่วยให้ได้การเจียระไนที่ละเอียดและแม่นยำ นอกจากนี้ยังใช้เครื่องมือที่สามารถปรับระดับความเร็วในการหมุนเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของการเจียระไน
การเจียระไนเพชรไม่ใช่แค่การใช้เครื่องมือเท่านั้น แต่ยังต้องการทักษะและประสบการณ์จากช่างทองที่มีความชำนาญ ช่างทองต้องสามารถอ่านและเข้าใจคุณสมบัติของเพชรแต่ละเม็ดเพื่อเลือกวิธีการเจียระไนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทักษะในการควบคุมเครื่องมือและการจัดการกับการเจียระไนที่มีความละเอียดอ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
การเจียระไนเพชรเป็นศิลปะที่ผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์ ความประณีต และความงดงามเข้าด้วยกัน เพราะเพชรแต่ละเม็ดจะเปล่งประกายงดงามได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับการเจียระไนนี้เอง แม้ว่าเพชรจะมีความแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งในธรรมชาติ แต่หากปราศจากการเจียระไนที่แม่นยำ มันก็อาจดูหม่นหมอง ไม่มีชีวิตชีวาเลยก็ได้ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับรูปแบบการเจียระไนที่ได้รับความนิยม พร้อมแนวทางการเลือกให้เหมาะกับบุคลิกหรือโอกาสพิเศษของคุณ
การเจียระไนแบบกลมหรือที่หลายคนเรียกว่า “Brilliant Cut” เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกของเครื่องประดับ และถือเป็นมาตรฐานทองคำของการเจียระไนเพชร ด้วยจำนวนเหลี่ยมมุมถึง 57 หรือ 58 เหลี่ยม เพชรแบบนี้สามารถสะท้อนแสงได้ดีเยี่ยม ให้ประกายที่สว่างไสวและดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าอัศจรรย์ จุดเด่นคือความสมมาตรและความสมบูรณ์แบบในสัดส่วนที่ช่วยให้แสงส่องผ่านและสะท้อนได้ดีที่สุด
เพชรทรงกลมเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบหรู หวานละมุน และยังแฝงด้วยความโรแมนติกแบบคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นแหวนหมั้น แหวนแต่งงาน หรือจี้สร้อยคอ ก็สามารถใช้เพชรเจียระไนแบบนี้ได้อย่างลงตัว
หากคุณกำลังมองหาเพชรที่ดูโรแมนติกและแปลกตา การเจียระไนแบบพระจันทร์หรือ “Half Moon Cut” คือทางเลือกที่ชวนให้หลงใหล เพชรทรงนี้มีลักษณะโค้งมนคล้ายพระจันทร์เสี้ยว มักใช้ประกอบกับเพชรเม็ดหลักเพื่อเพิ่มมิติในแหวนหมั้นหรือแหวนแฟชั่น
ลักษณะโค้งเว้าของมันทำให้แสงสะท้อนออกมาอย่างนุ่มนวล ดูโรแมนติกและลึกลับในเวลาเดียวกัน เหมาะกับผู้ที่มีสไตล์เฉพาะตัว ชอบความแปลกใหม่ และมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว
เพชรทรงลูกแพร์ หรือ “Pear Cut” มีลักษณะคล้ายหยดน้ำ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างทรงกลมและทรงมาร์คีส์ (Marquise) อย่างลงตัว ด้วยปลายแหลมและโค้งเว้าด้านหนึ่ง เพชรแบบนี้ให้ลุคที่หรูหราและสง่างาม ช่วยเพิ่มความยาวให้กับนิ้วมือได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังสามารถสวมใส่ได้ทั้งแบบหันปลายแหลมขึ้นหรือลงตามความชอบ ความอเนกประสงค์นี้ทำให้เพชรทรงลูกแพร์กลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงที่ต้องการความหรูหราและความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร
การเจียระไนแบบหมอน หรือ “Cushion Cut” เป็นทรงที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมที่มีมุมโค้งมน ให้ความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน และหรูหราในเวลาเดียวกัน เพชรแบบนี้มักมีเหลี่ยมที่ใหญ่กว่าทรงอื่น จึงสะท้อนแสงในลักษณะที่ดูอบอุ่นและลึกซึ้งมากกว่าการเปล่งประกายแบบแวววาว
ผู้ที่ชื่นชอบสไตล์วินเทจ หรือชอบเสน่ห์ของยุคเก่า มักจะเลือกเพชรเจียระไนทรงหมอนมาใช้ในแหวนหมั้นหรือเครื่องประดับที่มีความหมายทางใจ
การเลือกการเจียระไนเพชรที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องของรูปลักษณ์ แต่ยังเกี่ยวข้องกับบุคลิกของผู้สวมใส่และความหมายเบื้องหลังของเครื่องประดับชิ้นนั้นด้วย หากคุณหลงใหลในความคลาสสิก เพชรทรงกลมคือคำตอบ หากคุณต้องการอะไรที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เพชรทรงพระจันทร์หรือลูกแพร์อาจเติมเต็มความเป็นตัวของคุณได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่หลงใหลในความโรแมนติกแนววินเทจก็อาจพบความสุขในเพชรทรงหมอนที่แสนอ่อนหวาน
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเจียระไนแบบใด สิ่งสำคัญที่สุดคือความรู้สึกที่เพชรเม็ดนั้นมอบให้แก่คุณ เพราะในท้ายที่สุด เพชรทุกเม็ดคือเรื่องราว คือสัญลักษณ์ของช่วงเวลา และคือความทรงจำที่จับต้องได้
การเจียระไนเพชรมีบทบาทสำคัญต่อความงามและความเปล่งประกายของเพชรที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่า การประเมินคุณภาพของการเจียระไนจะพิจารณาจากองค์ประกอบหลักสามด้าน ได้แก่ สัดส่วน ความสมมาตร และการขัดเงา ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อการสะท้อนและหักเหของแสงภายในเพชร ทำให้เพชรเปล่งประกายมีชีวิตชีวา
การประเมินคุณภาพของการเจียระไนจะใช้มาตรฐานที่กำหนดโดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ เช่น GIA ซึ่งจัดอันดับคุณภาพตั้งแต่ยอดเยี่ยม ดีมาก ดี พอใช้ และต่ำ โดยวิเคราะห์รายละเอียดของสัดส่วนที่แม่นยำ ความสมดุลของเหลี่ยมเพชรในทุกมุม และการขัดผิวที่เรียบเนียน หากทุกอย่างถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ของการเจียระไน เพชรเม็ดนั้นจะสะท้อนแสงกลับออกมาได้อย่างงดงามและเต็มที่
สัดส่วนของเพชรจะกำหนดว่าแสงจะเดินทางเข้าและสะท้อนกลับออกมาอย่างไร หากเพชรลึกเกินไปหรือตื้นเกินไป แสงจะหลุดออกด้านข้างและทำให้เพชรดูหม่น ความสมมาตรหมายถึงความเท่ากันของแต่ละเหลี่ยม หากแต่ละด้านของเพชรเจียระไนไม่เท่ากันก็จะทำให้แสงกระจายไม่สมดุล ส่วนการขัดเงาจะช่วยให้ผิวของเพชรเรียบ สะอาด และสามารถสะท้อนแสงได้ดีที่สุด หากพื้นผิวไม่เรียบหรือมีรอยขีดข่วน จะทำให้แสงกระจายผิดทิศทางและลดความเงางามของเพชรลง
แม้เพชรจะมีสีดีและไม่มีตำหนิ แต่หากการเจียระไนไม่ดี ก็ไม่สามารถแสดงศักยภาพความงามออกมาได้อย่างเต็มที่ ในทางกลับกัน เพชรที่อาจมีสีหรือความสะอาดต่ำกว่าเล็กน้อยแต่ผ่านการเจียระไนที่ยอดเยี่ยม ก็สามารถดูสวยงามและเปล่งประกายได้มากกว่า
คุณภาพของการเจียระไนส่งผลโดยตรงต่อราคาของเพชร เพชรที่มีการเจียระไนดีเยี่ยมจะมีราคาสูงกว่ามาก แม้ว่าจะมีน้ำหนักหรือสีเดียวกัน เพราะผู้ซื้อยินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อให้ได้เพชรที่เปล่งประกายอย่างแท้จริง ความสามารถในการหักเหแสงได้สมบูรณ์คือคุณสมบัติที่ทำให้เพชรเม็ดหนึ่งโดดเด่นและมีมูลค่าในตลาด
วงการอัญมณีโดยเฉพาะด้านการเจียระไนเพชรได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ วางแผน และลงมือเจียระไนเพชรอย่างแม่นยำกว่าที่เคยเป็นมา ความเปล่งประกายที่เคยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างฝีมือเพียงอย่างเดียว บัดนี้ได้รับการเสริมด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคอย่างเต็มรูปแบบ
การเจียระไนเพชรในยุคปัจจุบันไม่ได้อาศัยแค่ความชำนาญของช่างเพชรอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงเครื่องมือดิจิทัลที่สามารถสแกน ตรวจวัด และประมวลผลคุณลักษณะของเพชรแต่ละเม็ดได้อย่างละเอียด เทคโนโลยีการสแกนแบบสามมิติถูกนำมาใช้เพื่อจำลองโครงสร้างภายในของเพชร ทำให้สามารถวางแผนการเจียระไนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งในแง่ความสวยงามและมูลค่าทางเศรษฐกิจ
เลเซอร์ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญ เครื่องเลเซอร์ความละเอียดสูงสามารถตัดเพชรได้อย่างแม่นยำและประณีตกว่าการใช้มือ ลดโอกาสการเสียเนื้อเพชรและเพิ่มความสมบูรณ์ของเหลี่ยมเพชรได้อย่างชัดเจน
ในปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เริ่มถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการวิเคราะห์คุณภาพของเพชรและวางแผนกระบวนการเจียระไนอย่างละเอียด โปรแกรม AI สามารถคำนวณเหลี่ยมมุมที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้ได้การสะท้อนแสงที่สมบูรณ์แบบ ลดความผิดพลาดจากมนุษย์และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตอย่างมาก
เครื่องจักรอัจฉริยะที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (CNC Machines) ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน เครื่องเหล่านี้สามารถเจียระไนเพชรได้แบบอัตโนมัติภายใต้การควบคุมที่แม่นยำที่สุด ส่งผลให้ได้เพชรที่มีเหลี่ยมมุมเป๊ะในทุกเม็ด โดยเฉพาะในระดับเกรดสูงที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ
อนาคตของวงการเจียระไนเพชรดูน่าตื่นเต้นและเปี่ยมด้วยความเป็นไปได้ เทคโนโลยีจะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เพชรที่สมบูรณ์แบบทั้งด้านความสวยงามและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า มีแนวโน้มว่าเราจะได้เห็นรูปแบบการเจียระไนใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเกิดจากการออกแบบโดยระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่สามารถจำลองผลลัพธ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ การผลิตเพชรจากห้องแล็บที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันให้วงการเจียระไนต้องปรับตัว ด้วยความต้องการเพชรที่มีรูปทรงทันสมัยและโดดเด่นตามความชอบของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
เพชรเป็นหนึ่งในอัญมณีที่มีค่าที่สุดในโลก และการเจียระไนที่สวยงามก็เป็นสิ่งที่ทำให้เพชรเปล่งประกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตาม แม้เพชรจะมีความแข็งแรงมาก แต่ก็ยังต้องการการดูแลที่เหมาะสมเพื่อคงความงดงามไว้ให้ยาวนาน
แม้เพชรจะไม่เป็นรอยง่าย แต่ผิวของเพชรสามารถถูกเคลือบด้วยคราบไขมัน เหงื่อ หรือสิ่งสกปรกที่ทำให้ประกายลดลงได้ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีรุนแรง เช่น น้ำยาล้างจาน น้ำหอม หรือคลอรีนในสระว่ายน้ำ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวเพชรหมองหรือเหลี่ยมเจียระไนเสียความคม
ควรถอดเครื่องประดับเพชรออกเมื่อทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการกระแทกหรือขีดข่วน เช่น ออกกำลังกาย ล้างจาน หรือทำสวน แม้เพชรจะทน แต่ตัวเรือนที่ยึดเพชรไว้สามารถชำรุดได้ และอาจทำให้เพชรร่วงหลุดโดยไม่รู้ตัว
เพชรควรถูกทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อคงความแวววาว วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้เองที่บ้านคือการใช้แปรงขนอ่อน เช่น แปรงสีฟันเก่า ชุบน้ำอุ่นผสมสบู่อ่อน แล้วขัดเบา ๆ บริเวณเพชร จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม
การเก็บรักษาก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรเก็บเพชรแยกจากเครื่องประดับอื่น เพื่อป้องกันการขูดขีดกันเอง หากมีซองผ้าไหมหรือกล่องบุผ้านุ่มสำหรับเก็บจะดีที่สุด เพราะแม้เพชรจะขูดอย่างอื่นได้ยาก แต่ก็สามารถทำร้ายอัญมณีอื่นที่อ่อนกว่าได้
หากคุณสังเกตว่าเพชรไม่เปล่งประกายเหมือนเดิม หรือมีร่องรอยที่ดูผิดปกติ ควรนำไปให้ช่างอัญมณีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพราะบางครั้งอาจเกิดความเสียหายกับเหลี่ยมเจียระไน ซึ่งส่งผลต่อการหักเหแสง และลดความสวยงามของเพชรได้
ในบางกรณี เพชรสามารถถูกเจียระไนใหม่เพื่อฟื้นฟูความเปล่งประกายได้ แต่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพราะการเจียระไนใหม่อาจทำให้ขนาดของเพชรลดลงเล็กน้อย ดังนั้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจคือสิ่งสำคัญ
เหลี่ยมเจียระไนแบบบริลเลียนต์ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เพชรเปล่งประกายอย่างงดงาม มันไม่ใช่เพียงแค่การทำให้เพชรมีรูปทรงกลมที่ดูสมมาตรเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยให้แสงสามารถสะท้อนและหักเหผ่านตัวเพชรได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เหลี่ยมต่าง ๆ ที่ถูกเจียระไนอย่างแม่นยำนี้จะทำให้เกิดประกายแวววาวและแสงสีรุ้งที่เรามักเห็นในเพชรคุณภาพสูง การจัดวางองศา ความลึก และความสมมาตรของเหลี่ยมล้วนส่งผลต่อความสว่างและไฟของเพชรโดยตรง
แม้เพชรจะมีสีและความใสที่ยอดเยี่ยมเพียงใด หากไม่ได้รับการเจียระไนอย่างเหมาะสม ก็จะไม่สามารถแสดงศักยภาพความเปล่งประกายของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง การเจียระไนจึงถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ซื้อควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกซื้อเพชร เพราะเพชรที่ผ่านการเจียระไนอย่างประณีตจะดูสวยสะดุดตามากกว่าแม้จะมีขนาดเล็กกว่า
การลงทุนในเพชรที่เจียระไนแบบบริลเลียนต์อย่างสมบูรณ์จึงเป็นทั้งเรื่องของความงามและมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพชรที่มีเหลี่ยมสมบูรณ์ไม่เพียงแต่จะส่องประกายงดงามในทุกมุมมอง แต่ยังสามารถคงคุณค่าไว้ได้ในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องประดับที่สะท้อนถึงรสนิยมและความประณีตของผู้สวมใส่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เหลี่ยมบริลเลียนต์จึงถือเป็นกุญแจที่แท้จริงในการเผยประกายที่เหนือระดับของเพชรทุกเม็ด